แมวข่วนทําไง กับไอ้เจ้าจูเนียร์

เลี้ยงแมวนอกจากจะเสียเงินแล้วยังอาจจะมีการเสียเลือเสียเนื้อกันด้วย ปกติเจ้าจูเนียร์ก็เป็นแมวนุ่มนิ่ม มันไม่ค่อยจะทำให้เจ็บซ่ะเท่าไรเต็มที่ก็เล่นแรงแต่ไม่เคยมีเลือดตกยางออก รอบบนี้เป็นอะไรที่แบบ อืมนะ สุดวิสัยจริงๆ

เหตุการร์คือผมซื้อเครื่องดูฝุ่นมา แมวบ้านอื่นขึ้นไปนั่นก็มีให้เห็น สงสัยวิ่งตบก็มามากยมาย ไอ้นี่กลัว และอยู่ไกลไม่เข้าใกล้ เมื่อเลิกใช้งานเครื่อง ก็นิเครื่องมาทำความสะอาด วางไว้จูเนียร์จึงเข้ามาดมดู และตกใจที่ผมเดินไปหาจากด้านหลัง และบู๊มกลายเป็นยันต์สักสีที่มีแต่สีแดง คิดใจใจมึงๆๆๆๆๆๆๆ เดี๋ยวดูเอาอาหารเปียกให้กินซ่ะนี่ ได้แต่โมโห แต่ไม่กล้าแม้แต่จะตี

ความเจ็บปวดแล้วที่ไม่ได้สวยงามนี้เป็นการเสียเลือดเสียเนื้อที่แท้จริง กลัวอย่างเดียวคือการติดเชื้อ จึงรีบที่จะไปล้างแผลด้วยน้ำสบู่แสบถึงทรวง เจ็บใจไปอีก แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เอาแผลไปโชว์แล้วบอก มึงทำกู เป่าเลย และโดนเมินด้วยสายตาที่เย็นชา เหมือนว่าใครทำจูเนียร์แค่โดดๆ ไม่ได้ทำไรเลย

บอกเลยว่าเล็บของแมวจะมีความคมมากกว่าในสุนัข จึงทำให้มีปัญหาแผลจากการถูกข่วนได้มากกว่า เกิดความเจ็บปวด บวม และมีโอกาสการติดเชื้อได้มากกว่า ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลเกี่ยวกับการดูแลแผลได้แก่ ตำแหน่งที่มีแผล ความลึกของแผล ปัจจัยจากตัวแมวที่ข่วนเรา และปัจจัยจากตัวเราเองด้วย

การรักษาแผลที่โดนแมวข่วน
ในกรณีที่แผลที่โดนข่วนไม่ลึกมาก เริ่มแรกควรล้างแผลด้วยสบู่และน้ำ ถ้าแผลมีเลือดไหลให้พยายามทำความสะอาดและกดปากแผลเอาไว้ แล้วปิดแผลด้วยผ้าก๊อซที่สะอาดและแห้ง แต่ถ้าเลือดไหลไม่หยุดหลังจากที่กดปากแผลแล้ว คุณควรจะรีบปรึกษาแพทย์

แผลในตำแหน่งที่มือและเท้าที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อได้ง่าย หรือในบางตำแหน่งก็จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อาทิ ตำแหน่งตา เป็นต้น ความเสี่ยงในการติดเชื้อจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มคนที่สุขภาพอ่อนแอ หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ยาฆ่าเชื้อแบบทาที่สามารถซื้อได้ทั่วไปสามารถใช้ทาแผลได้ ประกอบกับการทำแผลที่สะอาดและปิดแผลให้แห้ง อย่างไรก็ตามการสังเกตลักษณะของแผลเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราสามารถจะบอกได้ว่าแผลมีความผิดปกติใดเกิดขึ้น

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงภาวะการติดเชื้อของแผลคือ รอบๆแผลมีลักษณะแดง จับแล้วรู้สึกว่าอุ่น หรืออุณหภูมิสูงกว่าตำแหน่งอื่นของร่างกาย มีลักษณะบวมขึ้น แผลมีลักษณะเปื่อยยุ่ย รู้สึกเจ็บเมื่อขยับหรือเวลาโดนแผล หรือพบว่ามีหนองไหลออกจากแผล และสิ่งที่จะบอกเราได้ว่า ณ ขณะนี้ร่างกายเราเกิดภาวะการติดเชื้อทั่วร่างกายคือ การมีไข้ มีอาการหนาวสั่น ปวดตามเนื้อตามตัว เมื่อยล้าตามกล้ามเนื้อ พบต่อมน้ำเหลืองบวม ซึ่งการบวมหรือการโตขึ้นของต่อมน้ำเหลืองเกิดจากการที่ต่อมน้ำเหลืองมีการถูกกระตุ้นให้ทำงานมากกว่าปกติเนื่องมาจากภาวะการติดเชื้อของแบคทีเรีย

ถ้าหากเราโดนแมวที่ไม่รู้ประวัติ อาทิ แมวจรจัด หรือแมวของคนรู้จักมาข่วนหรือกัด สิ่งแรกที่ควรทำคือการทำแผลเบื้องต้นตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น แต่สิ่งสำคัญคือเราควรจะตามหาหรือสืบหาประวัติ หรือถ้าเป็นไปได้คือควรกักตัวของแมวตัวนั้นไว้เพื่อดูอาการ เนื่องจากแมวที่ไม่ทราบประวัติอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้ หรือถ้าไม่สามารถกักตัวเพื่อดูอาการสัตว์ได้ การฉีดเซรุ่มและวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ารอบปากแผล ร่วมกับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อบาดทะยักเป็นสิ่งที่สมควรทำไม่ว่าจะเป็นแมวเราเองหรือแมวหมาที่ไม่รู้จักก็ตาม

ความเสี่ยงอื่นที่อาจเกิดขึ้นจากการโดนแมวข่วน
โรคที่มีความเกี่ยวข้องกับแผลที่เกิดจากการโดนแมวข่วนคือ โรคแมวข่วน ซึ่งสาเหตุของโรคเกิดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า บาโทเนลล่า (Bartonella) แบคทีเรียชนิดนี้จะติดต่อผ่านแมวที่โดนหมัดที่ติดเชื้อกัด หรือบางกรณีอาจติดจากขี้ของหมัดที่ติดเชื้อก็ได้ ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้มักมีประวัติโดนแมวที่ติดเชื้อบาโทเนลล่าข่วน กัด หรือเลียบริเวณที่เรามีแผลอยู่แล้ว ซึ่งขี้ของหมัดที่มีเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่จะติดอยู่ตามเล็บของน้องแมวของเรา ทำให้เชื้อนี้ติดต่อสู่คนจากการที่เราโดนแมวข่วนได้นั่นเอง

อาการของโรคนี้จะแสดงใน 3-14วันหลังจากที่โดนแมวข่วนหรือกัด ลักษณะของแผลจะแสดงสัญญาณของการติดเชื้อ คนจะมีอาการเป็นไข้ เมื่อยล้า และกินอาหารได้ลดลง ต่อมน้ำเหลืองมีการบวมโตขึ้น ถ้าหากคนที่เป็นโรคนี้ไม่ได้รับการรักษาก็มีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะม้ามโต ลิ้นหัวใจหนาตัว ภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

การป้องกันโรคนี้สามารถทำได้ง่ายๆโดยการที่คุณเจ้าของใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดเห็บหมัดที่ได้รับการรับรองเป็นประจำ ดูแลทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอเพื่อลดจำนวนประชากรของหมัดและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียบาโทเนลล่าจากหมัดสู่น้องแมวของเรา